สอนเล่นหุ้น Avatar
พฤศจิกายน 1, 2023
ทางเลือกในการลงทุนมีหลายแบบ แต่รูปแบบหนึ่งที่มีผู้ลงทุนสนใจมาก คือ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย หรือการลงทุนในหุ้นต่างๆ ด้วยตัวเอง ผู้ลงทุนในหุ้นจะต้องอาศัยข้อมูลหลาย ๆ ด้านมาใช้ในการประกอบการตัดสินใจว่าจะลงทุนในหุ้นดีหรือไม่ ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงราคาหุ้น, ปริมาณซื้อขายหุ้น, และผลประกอบการต่างๆ เป็นต้น
เมื่อพูดถึงราคาหุ้น โดยทั่วไปมักจะหมายถึงราคาตลาดของหุ้น อย่างไรก็ตามราคาหุ้นยังสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภทได้ คือราคาที่ตราไว้, ราคาตามบัญชี, และราคาตลาด
ราคาที่ตราไว้
มูลค่าที่ตราไว้หรือราคาตรา (Par Value) เป็นมูลค่าต่อหุ้นที่บริษัทได้กำหนดขึ้นเมื่อก่อตั้งบริษัทและระบุไว้ในส่วนของหุ้นสามัญ มีต่อบริษัทโดยระบุลงในใบหุ้น เช่น บริษัทหนึ่งเริ่มตั้งบริษัทด้วยทุนจดทะเบียนจำนวน 50 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นจำนวน 5 ล้านหุ้น ดังนั้นมูลค่าที่ตราไว้ (หรือราคาพาร์) จึงเท่ากับ 10 บาทต่อหุ้น (50 ล้านบาทหารด้วย 5 ล้านหุ้น) ผู้ลงทุนจะพบข้อมูลราคาตราของหุ้นในรายการทุนเรือนหุ้นในงบแสดงฐานะการเงินของบริษัท
ราคาตามบัญชี
ราคาหรือมูลค่าตามบัญชี (Book Value) เป็นมูลค่าของส่วนของผู้ถือหุ้น คำนวณตามที่บันทึกในบัญชีของบริษัท มูลค่าตามบัญชีของหุ้น เท่ากับสินทรัพย์สุดท้ายตามที่บันทึกในบัญชีหารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกจากการขายแล้ว
ราคาตลาด
ราคาตลาดของหุ้น (Market Price) เป็นราคาที่ตกลงซื้อขายหุ้นกันในตลาดหากความต้องการเสนอซื้อหุ้นมีมากกว่าการเสนอขายหุ้น เช่น มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มการดำเนินงานของบริษัทจะดีและสามารถก่อให้เกิดอัตราผลตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นต้องการ ราคาตลาดของหุ้นจะสูง แต่ถ้าความต้องการเสนอขายมีมากกว่าความต้องการเสนอซื้อหุ้น ราคาตลาดของหุ้นนั้นตกต่ำลง
จากราคาหุ้นทั้ง 3 ประเภทมีประโยชน์กับผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมาก กล่าวคือราคาหุ้นที่ตราไว้ทำให้ผู้ลงทุนรู้ว่าบริษัทมีเงินเริ่มต้นในการทำธุรกิจเท่าไร และเมื่อเวลาผ่านไปถ้าบริษัทมีการเติบโตและผลประกอบการดีก็จะส่งผลให้มีผู้ถือหุ้นของบริษัทเป็นจำนวนมาก ดังนั้นราคาตลาดของหุ้นจะมีราคาสูงมากกว่าราคาตามบัญชีตัวอย่างเช่นหุ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายรายได้ใช้ราคาตลาดและราคาตามบัญชีเป็นหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อหุ้นเพื่อการลงทุนของตนเอง
Post Views: 208